เปรียบเทียบระหว่างรถ Benz และ BMW ใครดีใครได้กว่ากัน
ถ้าพูดถึงรถหรูสไตล์ยุโรปที่ใครๆก็ต่างหมายปองมาเป็นเจ้าของ เชื่อว่าต้องมี Benz และ BMW อยู่ในใจแน่นอน ทุกคนรู้ดีว่า ทั้ง Benz และ BMW ต่างก็เป็นรถสัญชาติเยอรมัน แถมทั้งคู่ยังได้ชื่อว่าเป็นรถหรูในฝันของคนค่อนโลกเหมือนกัน และทั้งสองแบรนด์ยังครองส่วนแบ่งรถหรูในตลาดเมืองไทยมาอย่างยาวนาน หากมองในภาพรวมของแบรนด์ ไม่ได้เปรียบเทียบรุ่นต่อรุ่น คนไทยส่วนใหญ่มักมองว่า BMW ดูสปอร์ตกว่า เหมาะกับวัยรุ่น คนรุ่นใหม่ ดีไซน์โฉบเฉี่ยว เรียบหรู ดูเท่ ส่วน Benz ดูหรูหรา มีระดับ เหมาะกับวัยผู้ใหญ่ ดูสุขุม มั่นคง หนักแน่น ภูมิฐาน ดูคุณชาย-คุณนาย บ้างก็ว่า “แก่” แต่ปัจจุบัน เริ่มมีหลายคนบอกว่า เดี๋ยวนี้ Benz ดูไม่แก่แล้ว บ้างก็ว่า วันนี้ภาพลักษณ์ของสองแบรนด์เริ่มสลับกัน ดังนั้น เราจะมาวัดกันตัวต่อตัวเลย ว่าความแตกต่างระหว่าง Benz และ BMW มีอะไรบ้าง เราไปดูกัน
เปรียบเทียบระหว่าง Benz และ BMW
เจ้ารถสัญชาติเยอรมันทั้งคู่นี้ก็เป็นรถหรูเหมือนกัน แต่ต้องขอบอกก่อนว่าเราจะไม่นำข้อมูลด้านประสิทธิภาพ เช่น ความแรง หรือช่วงล่าง มาเปรียบเทียบกันเพราะสิ่งเหล่านี้เป็นอะไรที่ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคลและเราสามารถไปหาเองได้ในสเปครถแต่ละคัน แต่จะเปรียบเทียบในเชิงธุรกิจเสียมากกว่า ทั้งด้านยอดขาย ภาพลักษณ์ของแบรนด์ รวมถึงทิศทางในอนาคตและอื่นๆที่จะนำเสนอ
ยอดขายของ Benz และ BMW
หากย้อนกลับไปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ยอดขาย Mercedes-Benz ในประเทศไทย มีรายละเอียดดังนี้
ปี 2558 ขายได้ 12,776 คัน
ปี 2559 ขายได้ 11,844 คัน
ปี 2560 ขายได้ 14,484 คัน
ปี 2561 ขายได้ 15,785 คัน
แล้วมาดูทางด้าน BMW ในประเทศไทยละ
ปี 2558 ขายได้ 10,048 คัน
ปี 2559 ขายได้ 7,923 คัน
ปี 2560 ขายได้ 11,030 คัน
ปี 2561 ขายได้ 12,036 คัน
รวมยอดทั้งหมด 4 ปี Mercedes-Benz ขายรถยนต์ในไทยได้ทั้งหมด 54,889 คัน ส่วนทางด้าน BMW อยู่ที่ 41,037 คัน เท่ากับว่าในประเทศไทย ค่าย Benz ดาวสามแฉกนั้นมียอดขายดีกว่าที่ 25% ในช่วงหลัง และไม่ใช่ 4 ปีล่าสุดที่ยกมาเท่านั้น แต่ค่ายดาวสามแฉกสามารถครองยอดขายกลุ่มรถหรูในประเทศไทยมาแล้วถึง 18 ปีติดต่อกัน แล้วไม่เพียงแค่ในไทยอย่างเดียวนะ เพราะจากข้อมูลยอดขายทั่วโลกประจำเดือนมกราคม–มีนาคม 2562 ที่เปิดเผยออกมาล่าสุด Mercedes-Benz ขายได้ 560,873 คันทั่วโลก แต่ BMW ขายได้ 519,307 คันทั่วโลก ทำให้ BMW เป็นรองอยู่ที่ 41,566 คัน คิดเป็น 7.4% จากตัวเลขทางด้านยอดขายที่ยกมา เราจึงบอกได้ว่า Mercedes-Benz ชนะในสังเวียนนี้ไปทั้งในไทยและตลาดโลก
ยอดติดตามในสื่อออนไลน์ของ Benz และ BMW
ในโลกยุคปัจจุบัน จำนวนของผู้ติดตามก็สามารถเป็นตัวบอกชื่อเสียงของแบรนด์ได้เช่นกัน เราลองมาดูยอดผู้ติดตามในสื่อออนไลน์ของทั้งสองแบรนด์กัน
Mercedes-Benz
Facebook ผู้ติดตาม 20 ล้านคน
Instagram ผู้ติดตาม 21.7 ล้านคน
Twitter ผู้ติดตาม 3.4 ล้านคน
BMW
Facebook ผู้ติดตาม 20 ล้านคน
Instagram ผู้ติดตาม 22.2 ล้านคน
Twitter ผู้ติดตาม 2 ล้านคน
จากข้อมูลข้างต้น แม้ตัวเลขจะไม่ห่างกันมากนัก แต่ก็ยังเป็น Mercedes-Benz ที่มีผู้ติดตามมากกว่า ที่ราวๆ 900,000 ยูสเซอร์ ซึ่งก็สอดคล้องกับยอดขายที่ออกมา อย่างไรก็ตาม สำหรับการขายรถยนต์แล้ว สื่อออนไลน์เป็นเพียงแค่สิ่งที่ใช้ประชาสัมพันธ์ข่าวสาร หรือให้ข้อมูลกับลูกค้าเท่านั้น ซึ่งต่างจากธุรกิจอื่นๆ เช่น เสื้อผ้า เครื่องสำอางค์ ซึ่งสามารถใช้เว็บไซต์เป็นแหล่งขายได้เลย แม้ไม่สามารถตัดสินคุณค่าของแบรนด์รถยนต์ได้จากสื่อออนไลน์ แต่เราสามารถเข้าใจได้ว่าบริษัทที่ใช้สื่อออนไลน์ได้ดีกว่า จะสามารถเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้มากกว่า ซึ่งกลุ่มที่ว่านี้คือเด็กวัยมัธยม มหาวิทยาลัย ซึ่งยังไม่ใช่วัยทำงาน และจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้พวกเขาเลือกตัดสินใจว่าจะเป็นลูกค้าของเจ้าไหน ในวันที่พวกเขามีเงินพร้อมจะซื้อแล้วนั่นเอง
ทิศทางในอนาคตของ Benz และ BMW
ปฏิเสธไม่ได้ว่าเทรนด์ของ “ยานยนต์พลังงานไฟฟ้า” กำลังเป็นกระแสอย่างมากในปัจจุบัน และแน่นอนว่าค่ายแนวหน้าของเยอรมนีทั้งสองค่ายก็มีแผนรับมือกับอนาคตที่จะมาถึง ทาง Mercedes-Benz ได้ออกมาประกาศเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาว่า ค่ายได้วางแผนจะพัฒนาและผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทั้งแบบ ไฟฟ้าล้วน (BEV) และแบบปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ออกมาอย่างต่อเนื่องนับจากนี้ โดยมีแผนจะสร้างยอดขายให้ได้เป็น 50% จากยอดขายรวมทั้งหมดของค่ายภายในปี 2030 หรือก็คือ ราวๆ 10 ปีข้างหน้า ครึ่งหนึ่งของรถ Benz ในตลาด จะเป็นยานยนต์ไฟฟ้านั่นเอง ด้าน BMW ก็ไม่น้อยหน้า ได้ออกมาประกาศตนเช่นกัน ว่าจะเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าภายในปี 2025 BMW เผยว่าจะปล่อยรถยนต์ไฟฟ้า ทั้ง BEV และ PHEV ออกมาให้เลือกในตลาดถึง 25 โมเดลด้วยกัน ในปี 2023 ซึ่งทางค่ายเล็งเอาไว้ว่ายอดขายของ EV จะเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 30% ทุกๆ ปี นับจากนี้ เรียกได้ว่าทั้งคู่ต่างก็มีแผนในการทำตลาดยานยนต์ไฟฟ้าเอาไว้แล้วล่วงหน้า แต่ทางฝ่าย BMW ดูจะจริงจังและเร่งรีบมากกว่า ซึ่งกลยุทธ์ของค่ายไหนที่จะประสบความสำเร็จมากกว่ากัน เราก็ต้องติดตามดูกันต่อไป
แล้วนี่ก็คือเรื่องราวการเปรียบเทียบของศัตรูคู่ปรับระหว่าง Benz และ BMW น่าสนใจเลยใช่มะ ถ้าเพื่อนๆอยากรู้ว่ารถคันไหนดีกว่ากัน เรามี บริการเช่ารถ Benz และ บริการเช่ารถ BMW มาให้เพื่อนๆได้ทดลองขับก่อนจะไปซื้อจริงด้วย โดยรถทั้งสองรุ่นของเรามีคุณภาพดี อายุใช้งานไม่ถึง 5 ปี มีทั้งเช่ารายวัน เช่ารายเดือน และเช่าพร้อมคนขับด้วย สมัครเช่ารถก็ง่ายไม่ต้องใช้บัตรเครดิต ราคาเริ่มต้นที่ 7,490 บาทเอง เช่าแล้วสามารถขับไปเที่ยวทั่วไทย น้ำมันก็เติมให้เต็มถัง แถมแม่แรงและยางอะไหล่ไว้เปลี่ยนด้วยนะ ถ้าอยากจะลองขับเพื่อเปรียบเทียบกันระหว่าง Benz และ BMW ว่าแตกต่างกันยังไง ขอให้เช่ารถกับ Exclusive ของเรานะ
อ่านบทความ : เปรียบเทียบ 5 บริษัท ผู้ให้บริการเช่ารถเบนซ์ในกรุงเทพฯ