ไฟเตือนหน้าปัดรถยนต์ คืออะไร
เมื่อมีรถแล้ว ยังควรต้องเรียนรู้ในสิ่งที่ใกล้ตัวสำหรับการขับขี่รถยนต์เพื่อความปลอดภัยของรถและผู้ขับขี่ ไฟเตือนหน้าปัดรถยนต์ คือไฟสัญลักษณ์ที่มีสีแตกต่างกันที่ได้โชว์ขึ้นมาบนหน้าปัดรถเมื่อเราบิดสวิตช์กุญแจหนึ่งจังหวะ หรือพูดง่ายๆ ก็คือ ไฟเตือนหน้าปัดรถยนต์ คือไฟสัญลักษณ์ที่มีสีแตกต่างกันที่ได้โชว์ขึ้นมาบนหน้าปัดรถเมื่อเราบิดสวิตช์กุญแจหนึ่งจังหวะคือ การแสดงเครื่องหมายต่างๆ บนหน้าปัดรถ เมื่อสตาร์ทรถเราก็เห็นไฟต่างๆ แสดงขึ้นมา
สัญลักษณ์เตือนตามสี ต้องรู้!
เริ่มจากสัญลักษณ์เตือนบนหน้าปัดรถยนต์ตามสีก่อนเลยค่ะ หลายคนที่ใช้รถเป็นประจำต้องเคยเห็นกันอยู่แน่นอน ซึ่งแต่ละสีก็จะมีความหมายเฉพาะตัว มาดูกันดีกว่าว่าแต่ละสีหมายถึงอะไร และมีความรุนแรงแค่ไหน!
สีเขียว : อุปกรณ์ที่กำลังใช้งานอยู่
สีน้ำเงิน : อุปกรณ์ที่กำลังใช้งานอยู่ โดยเราเป็นคนควบคุมเอง ไม่ใช่ค่าตั้งต้นจากโรงงาน
สีเหลือง : การตรวจให้ตรวจสอบ แต่ยังสามารถใช้งานได้อยู่ อาจจะต้องรีบไปตรวจเช็กภายหลัง
สีแดง : ให้รีบตรวจสอบโดยทันที หรือหยุดใช้งานทันทีเพื่อความปลอดภัย
วันนี้เราจะพาไปสัญญาณเตือนในเเต่ละสัญญานว่ามีอะไรบ้างเเละต้องรับมือกับสัญญาณไฟนั้นๆอย่างไรไปดูกันได้เลยครับ
เรามาเริ่มกันเลย
สัญลักษณ์ที่ 1 สวิตช์สตาร์ทผิดพลาด
แจ้งเตือนสวิตช์สตาร์ทเกิดการผิดพลาด : มักจะมีในรถรุ่นใหม่ที่ใช้ Push Start. ไฟเตือนบนหน้าปัดรูปกุญแจพร้อมมีสามขีดโค้ง ๆ : แปลว่าแบตเตอรีของกุญแจมีพลังงานต่ำ ควรรีบเปลี่ยนแบตรีโมต ไฟเตือนรูปรถในสามเหลี่ยม : แปลว่าให้รักษาระยะห่างจากรถคันหน้า โดยจะแจ้งเตือนเมื่อรถยนต์ของเรามีระยะห่างไม่ต่ำกว่า 60 เมตร
สัญลักษณ์ที่ 2 พวงมาลัยล็อก
1. อาการพวงมาลัยล็อกนั้น สังเกตได้ในขณะขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นอาการพวงมาลัยหนักผิดปกติ มีช่วงฟรีมากเกินไปจนควบคุมตัวรถได้ยาก ขับรถอยู่แล้วพวงมาลัยสั่น
2. พวงมาลัยล็อกนั้นเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ ทั้งพวงมาลัยชำรุดเสียหาย แร็คพวงมาลัยรั่ว รวมถึงการเสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน ซึ่งอาจเกิดอันตรายขณะขับขี่ได้
วิธีปลดล็อกพวงมาลัยรถยนต์ สำหรับรถยนต์ปุ่ม Push Start
- เหยียบเบรค แล้วเปลี่ยนเป็นเกียร์ N หรือเกียร์ P
- กดปุ่ม Start 1 ครั้ง ให้บนจอ LCD ขึ้นสัญลักษณ์พวงมาลัย
- กดปุ่ม Start ค้าง จากนั้นหมุนพวงมาลัยไปด้านขวา
- พวงมาลัยจะปลดล็อกและเครื่องยนต์ทำงานได้ตามปกติ
วิธีปลดล็อกพวงมาลัยรถยนต์ สำหรับรถยนต์ที่ใช้กุญแจ
- เหยียบเบรค แล้วเปลี่ยนเป็นเกียร์ N หรือเกียร์ P
- เสียบกุญแจรถ
- ขยับพวงมาลัยไปทางซ้ายและขวา พร้อมค่อย ๆ บิดกุญแจ
- พวงมาลัยจะปลดล็อก และหมุนได้ตามปกติ
- บิดกุญแจ และสตาร์ทเครื่องยนต์ได้ตามปกติ
สัญญาลักษณ์ที่ 3 พวงมาลัยไฟฟ้าทำงานผิดปกติ
รถยนต์รุ่นใหม่ที่มีพวงมาลัยไฟฟ้าติดตั้งมาด้วยจะมีสัญลักษณ์รูปพวงมาลัยกับเครื่องหมายอัศเจรีย์แทนระบบพวงมาลัยไฟฟ้า หากสัญลักษณ์นี้สว่างขึ้นมาจะแสดงว่ารถมีความผิดปกติเกี่ยวกับระบบไฟฟ้าของพวงมาลัย การแก้ไข: ประคองรถเข้าศูนย์ทันที หรือหากการคุมพวงมาลัยยากต่อการประคองรถ ให้เรียกรถยกเพื่อนำรถเข้าศูนย์ซ่อม
สัญญาลักษณ์ที่ 4 รัดเข็มขัดนิรภัยให้เรียบร้อย
สัญญาลักษณ์ที่ 5 ถุงลมนิรภัยขัดข้อง
รูปถุงลมนิรภัยและคนขับเป็นสัญลักษณ์ของระบบถุงลมนิรภัย หากสัญลักษณ์นี้ปรากฎขึ้นจะแสดงให้เห็นถึงความไม่พร้อมในการทำงานของถุงลมนิรภัย
การแก้ไข:นำรถเข้าไปตรวจเช็กสภาพถุงลมนิรภัย ป้องกันการเกิดอุบัติเหตุแล้วถุงลมนิรภัยไม่กางออก
เติมน้ำเปล่าลงไป
เมื่อทุกอย่างเย็นลงแล้วขั้นตอนต่อไปของวิธีแก้รถความร้อนขึ้น คือการแง้มเปิดฝาหม้อน้ำออกและค่อย ๆ เติมน้ำเปล่าลงไป จากนั้นให้ลองสตาร์เครื่องดู หากอาการดีขึ้นแล้วควรขับรถไปอู่ใกล้ๆ เพื่อหาสาเหตุแน่ชัดอีกครั้ง และเมื่อแก้ไขซ่อมแซมตามอาการเรียบร้อยก็ควรเติมน้ำยาหล่อเย็น เพื่อเป็นการดูแลหม้อน้ำไม่ให้ร้อนเร็วและยังช่วยถนอมหม้อน้ำให้ใช้งานไปได้นานกว่าการเติมด้วยน้ำเปล่า
สัญญาลักษณ์ที่่ 6 หม้อน้ำร้อนเกินไป
สัญญาณไฟเตือนที่จะทำงานเมื่อความร้อนในห้องเครื่องยนต์เกิดสูงมากกว่าปกติ ทำให้รถทำการแจ้งเตือนเพื่อให้เราทำการตรวจสอบ ซึ่งตามปกติแล้วมาตรวัดความร้อนของเครื่องยนต์มีด้วยกัน 2 แบบ ได้แก่
- แบบเข็ม โดยจะมีเข็มชี้วัดอัตราความร้อน หากห้องเครื่องมีความร้อนอยู่ในอุณหภูมิปกติ เข็มจะอยู่ไม่เกินครึ่งหนี่งของมาตรวัด แต่ถ้าเข้มเด้งเกินครึ่งขึ้นมาแปลว่าเครื่องยนต์ของเราร้อนเกินไป
- แบบไฟเตือน สำหรับรถรุ่นใหม่ มักจะใช้ระบบนี้เป็นส่วนใหญ่ โดยการสังเกตไฟเตือนนี้ จะมีสีที่แตกต่างเป็นตัวบอกความหมาย ซึ่งแตกต่างกันไปในแต่ละรุ่นของรถ โดยส่วนใหญ่ ถ้ารถมีไฟสีเขียวหรือสีฟ้าขึ้น แสดงว่าเครื่องยนต์หรือระบบหล่อเย็นมีอุณหภูมิที่ต่ำเกิน แต่ถ้าเป็นไฟสีแดง ก็หมายความว่าเครื่องยนต์หรือระบบหล่อเย็นมีอุณหภูมิที่สูงเกิน
วิธีแก้รถความร้อนขึ้น คือการสังเกตรถของตัวเอง เมื่อเห็นสัญญาณ Heat สีแดงเตือนขึ้นแล้ว จะต้องรีบหยุดรถเปิดฝากระโปรงเพื่อระบายความร้อน โดยห้ามดับเครื่องรถ ปล่อยให้เครื่องเดินเบาๆ รอสักพักให้เครื่องเย็นลง แล้วสังเกตดูว่าความร้อนลดระดับลงไหม หากลดระดับลงก็ถือว่าไม่มีอะไรผิดปกติ แต่ถ้าไม่ก็ต้องดำเนินการตาม วิธีแก้รถความร้อนขึ้น ขั้นต่อไป
สังเกตความผิดปกติ
หากความร้อนยังไม่ลดให้ดับเครื่อง เปิดฝากระโปรงรถเพื่อระบายความร้อน ทิ้งไว้สักครึ่งชั่วโมง ให้น้ำในหม้อน้ำเย็นลง และรีบหาสาเหตุทันที โดยให้เริ่มเช็กจาก
- น้ำในหม้อน้ำว่าลดลงอย่างผิดปกติหรือไม่ หากมีน้ำน้อยแล้วเติมเพิ่มยังมีการลดอีกหรือไม่ หากมีแสดงว่าอาจมีปัญหาหม้อน้ำรั่วได้
- สังเกตพัดลมระบายความร้อนว่ายังหมุนทำงานปกติหรือไม่ หากพัดลมไม่หมุน สายไฟหลุดหรือขาด ต้องรีบส่งซ่อมทันที เพราะระบบระบายความร้อนมีปัญหา
- ตรวจสอบสิ่งสกปรกในหม้อน้ำ ควรดูให้แน่ใจว่าหม้อน้ำของเราสะอาดไม่มีสิ่งสกปรกอุดตันหรือปนเปื้อน ทางที่ดีควรล้างหม้อน้ำบ่อย ๆและเติมน้ำยาหล่อเย็นเป็นประจำ
- หากแก้ไขแล้วยังขึ้นเตือนอยู่ ให้สังเกตจุดอื่น ๆ เช่น วาล์วน้ำอาจไม่ทำงาน น้ำในระบบหล่อเย็นอาจไม่เพียงพอ อาจเป็นสาเหตุได้เช่นกัน
ข้อควรระวังคือ ห้ามเปิดหม้อน้ำขณะที่รถมีความร้อนสูง เพราะน้ำเดือดอาจทะลักออกมาสร้างความเสียหายให้กับรถของเราได้ หรือมากไปกว่านั้นอาจพุ่งเข้าหน้าจนเกิดความเสียหายกับร่างกายได้ ต้องระวังให้ดีนะครับ
เติมน้ำเปล่าลงไป
เมื่อทุกอย่างเย็นลงแล้วขั้นตอนต่อไปของวิธีแก้รถความร้อนขึ้น คือการแง้มเปิดฝาหม้อน้ำออกและค่อย ๆ เติมน้ำเปล่าลงไป จากนั้นให้ลองสตาร์เครื่องดู หากอาการดีขึ้นแล้วควรขับรถไปอู่ใกล้ๆ เพื่อหาสาเหตุแน่ชัดอีกครั้ง และเมื่อแก้ไขซ่อมแซมตามอาการเรียบร้อยก็ควรเติมน้ำยาหล่อเย็น เพื่อเป็นการดูแลหม้อน้ำไม่ให้ร้อนเร็วและยังช่วยถนอมหม้อน้ำให้ใช้งานไปได้นานกว่าการเติมด้วยน้ำเปล่า
สัญญาลักษณ์ที่่ 7 แบตเตอรี่ใกล้จะหมด
สัญญาณเตือนว่ารถของคุณแบตเตอรี่ใกล้จะหมด. รู้ก่อนเปลี่ยนไวจะได้สบายใจทุกการสตาร์ทครับ. หนึ่งรถดั้มสตาร์ตติดยากและมีเสียงผิดปกติ. สองสังเกตไฟที่หน้าปัดและไฟจุดอื่นอื่นภายในรถ. ว่าเริ่มสว่างน้อยลงหรือมีอาการติดติดดับดับ.
สัญญาลักษณ์ที่่ 8 ความดันน้ำมันเครื่องต่ำ
ไฟเตือนแรงดันน้ำมันเครื่องต่ำ
หากไฟเตือนนี้ติดสว่างขึ้นในขณะขับรถเป็นสีแดง หมายถึง ระดับน้ำมันเครื่องต่ำหรือมีน้อย ให้รีบจอดรถในสถานที่ที่ปลอดภัยแล้วดับเครื่องยนต์ทันที เพราะอาจทำให้เครื่องยนต์ทำงานร้อนจัดหรือเสียหายได้
จากนั้นให้เปิดฝากระโปรงหน้าเพื่อตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องบนก้านวัดเป็นการด่วนเลยครับ
หากพบว่าระดับน้ำมันเครื่องขาดหรือพร่อง ควรเติมน้ำมันเครื่องให้อยู่ในระดับปกติ หากเป็นไปได้ควรใช้น้ำมันเครื่องเกรดหรือเบอร์เดียวกันก็จะเป็นการดีนะครับ
สัญญาลักษณ์ที่่ 9 เบรกมือค้างรีบปลดออก
หากรถยนต์คันไหนมีสัญลักษณ์ไฟเบรกมือค้างให้ลองตรวจสอบเบรกมือก่อนว่าเอาลงหรือไม่ แต่ถ้าไฟแจ้งเตือนยังไม่หายอาจจะหมายถึงความผิดปกติของระบบเบรกในส่วนอื่นๆ แบบนี้ควรนำรถเข้าตรวจสอบที่ศูนย์บริการทันทีนะครับ
เกิดจากอะไร?
1.เอาเบรกมือลงไม่สุด
หากขับรถแล้วไฟเบรกมือยังค้างอยู่บนหน้าปัด ขณะเดียวกันหากขับรถและมีอาการอืด เร่งไม่ค่อยขึ้น เป็นไปได้ว่าคุณอาจเอาเบรกมือลงไม่สุด หรือลืมปลดล็อกเบรกมือ ควรจะตรวจสอบและดึงเบรกมือขึ้นให้สุด อย่าฝืนขับเพราะอาจจะทำให้เบรกไหม้ได้
2.ผ้าเบรกหมด
หากดึงเบรกมือขึ้นสุดแล้วแต่ไฟเบรกยังค้างเหมือนเดิมเป็นไปได้ว่าผ้าเบรกอาจจะหมด แต่กรณีนี้จะเกิดขึ้นได้กับรถใหม่ๆ เพราะมีเซนเซอร์ตรวจจับความหนาของผ้าเบรกเท่านั้นเมื่อผ้าเบรกบางไฟเบรกก็จะค้างโชว์อยู่บนหน้าปัด
3.ระดับน้ำมันเบรกอยู่ต่ำกว่าเกณฑ์
ระดับน้ำมันเบรกอยู่ต่ำกว่าเกณฑ์ เพราะน้ำมันเบรกควรอยู่ในตำแหน่ง MAX หรือระหว่าง MAX กับ MIN (ไม่ควรต่ำกว่า MIN) ให้คอยตรวจสอบว่าระดับน้ำมันอยู่ในตำแหน่งดังกล่าวหรือไม่นะครับ
4.หม้อลมเบรกรั่ว
หม้อลมเบรก คือ ตัวช่วยผ่อนแรงในการเหยียบแป้นเบรก ทำงานด้วยระบบสุญญากาศช่วยให้สามารถเหยียบเบรกได้อย่างนุ่มนวล หากหม้อลมเบรกรั่วจะมีอาการเหยียบแป้นเบรกแล้วจม ความผิดปกตินี้เป็นสาเหตุที่ทำให้สัญลักษณ์ไฟเบรกขึ้นโชว์ได้นะครับ
วิธีตรวจเช็ดเเละแก้ไข
- ตรวจสอบว่าปลดเบรกมือแล้วหรือไม่ หากปลดแล้ว แต่ไฟเบรกมือยังคงค้างอยู่ ให้ตรวจสอบระบบเบรก
- ตรวจสอบระดับน้ำมันเบรก หากระดับน้ำมันเบรกต่ำกว่าเกณฑ์ ให้เติมน้ำมันเบรกให้อยู่ในระดับปกติ
- ตรวจสอบสายเบรกมือ หากสายเบรกมือขาด ให้เปลี่ยนสายเบรกมือใหม่
- ตรวจสอบไฟเบรกมือ หากไฟเบรกมือเสีย ให้เปลี่ยนไฟเบรกมือใหม่
สัญญาลักษณ์ที่่ 10 ประตูปิดไม่สนิท
สัญญาลักษณ์ที่่ 11 เปิดกระโปรงท้ายรถทิ้งไว้
สัญญาลักษณ์ที่่ 12 ตรวจสอบฝาปิดช่องเติมน้ำมัน
เเละนี่นะครับก็เป็นสัญญาลักษณ์ของไฟแจ้งเตือนรถยนต์เพื่อให้การขับขี่ของเรานั้นเป็นไปได้อย่างราบรื่น เเละพร้อมรับมือกับปัญหาที่จะเจอในระหว่างการขับรถ ไฟเตือนรถยนต์จะเเจ้งให้เราทราบเมื่อมีปัญหาต่างๆ ในการขับขี่ให้ปลอดภัย สนใจดูเพิ่มเติม คลิกลิ้ง youtube ได้เลยครับ
อยากเช่ารถ ติดต่อได้ที่ไหน ?
1. เว็บไซต์ : https://www.exclusive.co.th/
2. LINE ID : @exclusivecar
3. อีเมล : info@exclusive.co.th
4. โทร : 02-126-0718